หยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลรับฟ้อง “วิรัช” คดีทุจริตสนามฟุตซอล ธรรมนัสปัดหักหลังแป๊ะ (คลิป)

จากกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศจุดยืนเดินหน้าแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 พร้อมผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรม ปลดปล่อยผู้ต้องหาที่เห็นต่างทางความคิด จนมีเสียงขานรับจากแนวร่วมล้นหลาม

หยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลรับฟ้อง “วิรัช” คดีทุจริตสนามฟุตซอล ธรรมนัสปัดหักหลังแป๊ะ (คลิป)

พท.ห่วงแจงไม่เคลียร์แก้ ม.112 สะดุด

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกัน จึงไม่รู้ท่าทีพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเอาอย่างไร แต่เรื่องนี้ต้องใช้การอธิบายที่สูงกว่าทุกเรื่อง ใช้เวลาอธิบายให้ทุกคนรู้ถึงเจตนาที่แท้จริง เชื่อว่าหากอธิบายมากๆ จนทุกคนเข้าใจ ทุกอย่างเป็นไปได้ แต่หากอธิบายน้อย สื่อสารน้อย อาจเป็นอุปสรรคหนึ่ง ส่วนพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 เอง หรือจะเข้าชื่อกับพรรคอื่นๆ ต้องถามนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย สำหรับ การเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นั้น ฝ่ายค้านจะหารือกันในการประชุม หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านวันที่ 3 พ.ย.อีกครั้งว่า จะอภิปรายประเด็นใด เวลาใด

รอถกหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน

ต่อมาที่พรรคเพื่อไทย ภายหลังการประชุมพรรค นายสุทินย้ำถึงกรณีการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ว่า คนที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือนายชัยเกษม โดยนายชัยเกษมได้อธิบายและให้สมาชิกไปศึกษาแถลงการณ์ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวสุ่มเสี่ยงต่อการถูกนำไปบิดเบือน และเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน แม้เป็นข้อเสนอที่มีเจตนาดี เนื่องจากกระบวนการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาเราโฟกัสจุดนี้ ส่วนจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯได้หรือไม่ ต้องพูดคุยกันหลายระดับ โดยวันที่ 3 พ.ย. หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว

แย่งคะแนนพรรคก้าวไกลไม่ใช่สาระ

“เราจะฟังเสียงประชาชนและสังคมให้รอบด้าน ฝ่ายการเมืองเสนออะไรก็ได้ แต่ต้องฟังเสียงสังคมและประชาชน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เฉพาะฝ่ายค้านหรือพรรคเพื่อไทย แต่ควรจะผลักดันกันทั้งสังคมและรัฐบาลด้วย หากสังคมคิดว่าไม่จำเป็นหรือเห็นว่าควรนำเรื่องเข้าสภาฯ ก็ต้องฟัง และยืนยันที่พูดมาตรงนี้ คือการนำไปหารือในที่ประชุม ยังไม่พูดถึงการแก้ไข ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่พรรคเพื่อไทยผลักดันประเด็นดังกล่าวในช่วงนี้ เพราะอยากแย่งคะแนนจากพรรคก้าวไกลนั้น การแย่งคะแนนไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก การที่เรานิ่งดูดายต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองไม่ควรทำ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกลุ่มไหน พรรคไม่ควรนิ่งดูดาย”

“ไอลอว์” ขานรับขจัดปัญหาให้เคลียร์

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีพรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จะมีผลต่อฐานคะแนนเสียงหรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบเศรษฐกิจ การเมือง เป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจ ส่วนเรื่องแก้มาตรา 112 เป็นเรื่องรองลงมา อยากให้มองมาตรา ดังกล่าวเป็นเหมือนกฎหมายอาญามาตราอื่นๆที่จะตัดสินโดยรัฐสภา จะคงไว้แก้ไขหรือยกเลิกเป็นมติของรัฐสภา เชื่อว่าหากมาตรา 112 ไม่ได้รับการยกเลิก จะมีกิจกรรมเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่มวลชนจะมากหรือน้อยแค่ไหนยังไม่ทราบ ส่วนจะถูกคว่ำในสภาหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ การรวบรวมรายชื่อขอแก้มาตราดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยาก ขณะนี้มีคนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เป็นร้อยคดี จะทำให้มีคนเห็นด้วย ออกมาเรียกร้องแก้ไขมาตรานี้มากขึ้น การเสนอแก้มาตรา 112 ถ้าเสนอเข้ามาพิจารณาพร้อมกันหลายร่าง ทั้งของพรรคการเมือง และภาคประชาชน ถือเป็นเรื่องดี ไม่ว่าจะให้ยกเลิกไปเลย หรือแก้ไขบางส่วน

“ไอติม” ชี้ควรยกเลิกหวั่นใช้กลั่นแกล้ง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า กล่าวว่า ปัญหาการแก้ไข มาตรา 112 มี 3 เหตุผลหลัก คือ 1.การบังคับใช้ ไม่มีการวางขอบเขตที่ชัดเจน 2.ความหนักของโทษ เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โทษของมาตรา 112 มีอัตราโทษที่สูงกว่า และ 3.คดี 112 เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ อาจมีการใช้มาตราดังกล่าวในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นเหตุผลให้ควรยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ส่วนกรณีพรรค การเมืองได้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง ในการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว สังคมไทยควรพูดคุยกันด้วยเหตุผล และควรหยิบยกมาพูดคุยในสภาฯได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอที่พรรคก้าวไกลจะยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวให้สภาฯ และข้อเสนอแก้ไขที่พรรคเพื่อไทยออกมาแสดงจุดยืนว่าจะแก้ รวมถึงหลายพรรคการเมือง ที่ยังไม่เห็นด้วยก็อยากให้ออกมาแสดงท่าทีชัดเจน

แนะเปิดเวทีสาธารณะถกเถียงเสรี

นายพริษฐ์กล่าวว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป การรับมือของแต่ละพรรคเกี่ยวกับมาตรา 112 จะเป็นประเด็นสำคัญ ประชาชนก็มีโอกาสที่จะแสดงท่าทีผ่านสนามเลือกตั้งเช่นกันว่าอยากให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 อย่างไร ควรเป็นเรื่องที่สามารถ ถกเถียงในรายละเอียดได้ และควรมีเวทีเพื่อให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น เมื่อถามว่า หากมาตรา 112 ไม่ถูกแก้ไข และยังมีมวลชนออกมาเรียกร้องให้แก้ไขมาตราดังกล่าว รวมถึงถูกดำเนินคดีอยู่เรื่อยๆ นายพริษฐ์ตอบว่า แทนที่รัฐจะรับฟังข้อเสนอ และออกฉันทามติร่วมกัน แต่กลับนำมาตรา 112 มาใช้รุนแรงขึ้น จนถึงขั้นมีจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีสูงเป็นประวัติศาสตร์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตนหวังว่าทุกพรรคการเมืองจะหยิบยกมาตรา 112 ขึ้นมาพูดอีกครั้ง รวมถึงมีเวทีสาธารณะเพื่อถกเถียงกันอย่างเสรี เพื่อจะได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนมากขึ้น ไม่มีใครที่ถูกจำคุกหรือว่ากักขังเพียงเพราะมีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง

พรรคเล็กท้า พท.ใส่ในนโยบายหาเสียง

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า พรรคใดมีจุดยืนหรือมีธาตุแท้อย่างไรก็แสดงออกตามนั้น เป็นเรื่องดีให้เห็นชัดๆว่าพรรคใดต้องการแก้มาตรา 112 และ 116 เลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะได้ตัดสินใจง่ายๆ ขอท้าพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายเลือกตั้งครั้งหน้าให้ชัดว่าใครต้องการแก้มาตรา 112 ให้เลือกพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลให้ประกาศจะนิรโทษกรรมพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี กลับบ้านอย่างเท่ๆ จะได้เจอการสั่งสอนบทเรียนจากประชาชน มาตรา 112 มีปัญหาเฉพาะ กับพวกดูหมิ่นคิดร้ายต่อสถาบัน แต่ประชาชนทั่วไปไม่มีปัญหาอะไร พรรคพลังธรรมใหม่มีจุดยืนชัดเจนสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะร่วมปกป้องสถาบัน ถ้านำมาตรา 112 เข้าสภาฯ จะคัดค้านถึงที่สุดทั้งในและนอกสภาฯ จะผนึกกำลังพรรคเล็กคัดค้านมาตรา 112 ในสภาฯอย่างถึงที่สุด เชื่อมั่นว่ามีจำนวนมากกว่ากลุ่มสนับสนุน

ปชป.ชี้อาจถูกตีตกตั้งแต่ต้นซอย

นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นร่างแก้ไขมาตรา 112 จึงยังไม่รู้ว่าใครจะแก้ไขประเด็นไหน แต่โดยส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ต้องแก้คือกลุ่มเยาวชน และสังคมบางส่วนกล่าวหาว่านายกฯใช้มาตรา 112 เพื่อปกป้องตัวเอง เนื่องจากบริหารงานล้มเหลว เพราะนายกฯเคยพูดใน ครม.ว่าให้ช่วยกันออกมาปกป้องสถาบันฯ ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องฟังในสภาฯ ก่อนว่าสาระในการนำเสนอคืออะไร เนื้อหาเป็นอย่างไร และตนมั่นใจว่าหากเสนอมาแบบหมิ่นเหม่ไม่มีความชัดเจน ก็อาจจะไม่ได้รับการบรรจุในวาระการประชุมสภาฯด้วยซ้ำไป

คนอ้างล้มสถาบันฯคือตัวปัญหา

“สำหรับผมไม่เห็นว่าสถาบันฯจะมีความเสียหาย ที่จะต้องปกป้องตรงไหน ยิ่งใครเอามาพูดก็ยิ่งจะทำให้ สถาบันฯมีปัญหา จะยิ่งถูกขุดคุ้ย อย่าลืมว่าคนในสังคมยังผูกพันกับสถาบันฯ จากอดีตจนถึงปัจจุบันใครก็ล้มสถาบันฯไม่ได้ ดังนั้นส่วนตัวผมจึงเห็นว่าใครก็ตามที่พยายามพูดว่ามีคนต้องการล้มสถาบันฯ ก็เท่ากับเป็นการผลักดันสถาบันฯออกมาอยู่ข้างหน้า แล้วตนเองก็หลบอยู่ข้างหลัง นั่นแหละคือคนที่สร้างปัญหา” นายอันวาร์กล่าว

“ราเมศ” ย้ำไม่เห็นด้วยสิ้นเชิงแก้ ม.112

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอย้ำจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ต่อจากนี้ก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคที่มีแนวความคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 อย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองที่สุด ไม่ว่าใครถ้าคิดจะมีอำนาจแล้วกระทำการให้มีผลกระทบ ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะไม่สยบยอมแน่ ขอให้ถอยความคิดนี้ เพราะไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด เอาเวลาคิดไปทำเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติจะดีกว่า

“เฉลิม” อวยพรเพื่อไทยแลนด์สไลด์

วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส. พรรคเพื่อไทย โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส. นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ร่วมทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนประชุม ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ ช่วงหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ นพ.ชลน่านที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอแสดงความยินดีกับสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะมีเวลาว่างมากขึ้น และขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีมีความสุข นึกอะไรสมความปรารถนา ขอให้ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์

จากนั้นที่ประชุมต่างปรบมือแสดงความยินดีกับ นพ.ชลน่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ นพ.ชลน่านกล่าวต่อที่ประชุม ส.ส.ว่า มีโอกาสได้นั่งตรงนี้ ขอกราบขอบพระคุณ ท่านสมพงษ์ กรรมการบริหารพรรคชุดที่ผ่านมา ที่จะมามีส่วนร่วมกับพรรคเพื่อไทย และจะร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่อนาคต

ขู่ยื่นศาล รธน.ฟัน รมต.เบี้ยวตอบกระทู้

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงทิศทางการทำงานในสภาฯ โดยเราจะปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งนี้ ในส่วนของงานสภาฯ เราตั้งคณะทำงานขึ้นหนึ่งชุด เป็นชุดกลั่นกรองวาระการประชุมสภาฯทุกเรื่อง เพื่อวิเคราะห์รายละเอียดในเชิงวิชาการ ศึกษาวาระ ต่างๆที่เป็นผลกระทบกับประชาชนทั้งในแง่บวกและลบ เพื่อนำไปอภิปรายในสภาฯ อย่างมีคุณภาพ ส่วนกระทู้ถามสดจะถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการทำงานของพรรค ในส่วนขององค์ประชุม เรามีกลไกในการอำนวยความสะดวกสมาชิก ทั้งเรื่องเวลา การเดินทาง และข้อมูลต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่มาตอบกระทู้ จะส่งผลเสียต่อการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายค้าน ทำให้กระทู้ค้าง พอเลื่อนไปก็กระทบกับโควตาของพรรคอื่น ดังนั้นขอฝากไปยังรัฐบาลในสมัยประชุมนี้ ขอให้เคารพกระบวนการทำงานของสภาฯ เคารพการถ่วงดุลตรวจสอบ หากรัฐมนตรีไม่มาตอบ ต้องเป็นมติ ครม. หากปฏิเสธดื้อๆ เท่ากับท่านทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝ่ายค้านจะไม่ยอมเหมือนที่ผ่านมา เราจะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิดรัฐบาลต่อไป

ยังกั๊กอ้ำอึ้งส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

นายสุทินยังให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ถอนตัวจากการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เป็นการตัดคู่แข่งของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติจะส่งใครลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ก็ขอลงในนามส่วนตัว การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. จะมีผลต่อใครยังไม่รู้ แต่ไม่มีผลต่อพรรคเพื่อไทยเพราะยังไม่มีผู้สมัคร และยังไม่แน่จะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่

“บิ๊กป้อม” ยังไม่ได้คุย “บิ๊กแป๊ะ” ถอนตัว

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ประกาศถอนตัวไม่ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า ยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐจะส่งใครอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ยังๆ” เมื่อถามว่า การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ประกาศถอนตัว แสดงว่ายังไม่ได้มาปรึกษาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ยังๆ”

ถก พปชร. “บิ๊กป้อม” ยิ้มแย้มชื่นมื่น

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานประชุมพรรค โดยมีแกนนำ ส.ส.เข้าร่วม อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายวิรัช รัตนเศรษฐ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ขณะที่แกนนำกลุ่มสามมิตร เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมเพียง 30 นาที โดยในที่ประชุมนายวิรัชได้แจ้งว่าจะประชุมสภาฯสัปดาห์ละ 3 วัน 3 สัปดาห์ จึงขอเลื่อนประชุม ส.ส.มาเป็นช่วงเช้าวันอังคารก่อนประชุมสภาฯ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวกับ ส.ส.อย่างอารมณ์ดีตอนหนึ่งว่า “ถ้ามาประชุมกันพร้อมเพรียงก็ดี ถ้าบรรยากาศเป็นแบบนี้ผมก็จะมาบ่อยๆ”

บ้อท่าแค่ขู่ลงโทษ รมต.-ส.ส.โดดร่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการแจ้งบทลงโทษ ส.ส.ที่ขาดประชุมสภาฯแต่อย่างใด ตามที่ได้ประกาศเตือนว่าจะเคร่งครัดในเรื่องนี้ ขณะที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรค พปชร. แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือกัน 3 เรื่อง 1.พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำ ส.ส.และรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ร่วมมือเข้าร่วมประชุมสภาฯตลอดสมัยประชุม ต้องให้ความสำคัญกับการโหวต พ.ร.บ.หรือกฎหมายต่างๆ ที่จะมีขึ้น 2.ยุทธศาสตร์พรรคพยายามที่จะทำความเข้าใจ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ดังนั้น พรรคได้วาง ยุทธศาสตร์กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจะเปิดตัวคนรุ่นใหม่และจัดกิจกรรมร่วมกับเยาวชน รับฟังความคิดเห็นนำไปปรับใช้

ย้ำจุดยืน พปชร.ไม่แตะ ม.112

โฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า 3.ที่ประชุมเน้นย้ำจุดยืนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การทำงานพรรคพร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ต้องไม่กระทบต่อสถาบัน ความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อถามย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ น.ส.พัชรินทร์ตอบว่า ใช่ เราจะไม่แตะมาตรา 112

“ธรรมนัส” ลั่นกับ “พี่แป๊ะ” รักกันมาก

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “ผมกับพี่แป๊ะเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก ผมคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ” เมื่อถามย้ำว่า ข่าวการถอนตัวที่ออกมามีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัสเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “จริงๆแล้วถ้าคนรู้ว่าผมกับพี่แป๊ะรักกันขนาดไหน ผมเกิดมาทุกวันนี้เพราะพี่แป๊ะช่วยผม ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้ ได้คุยกันทุกวัน ส่วนเหตุผลการถอนตัวนั้นท่านคงมีเหตุผลของท่าน” เมื่อถามว่า มีข่าวทำนองว่า ร.อ.ธรรมนัสเปลี่ยนไปสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.แทน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “โธ่ พี่แป๊ะเหมือนคนในครอบครัวผม ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยมาพี่แป๊ะก็ดูแลผมมาถึงวันนี้”

ยืนยันไม่มีแตกแถวโหวตในสภา

ผู้สื่อข่าวถามถึงศึกภายในสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันหรือไม่ว่ากฎหมายสำคัญ ส.ส.ของพรรคจะโหวต ผ่านให้ทั้งหมด ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ถ้าหัวหน้าพรรค สั่งการแล้ว ใครจะแหกมติคงเป็นเรื่องที่เขาจะต้อง วางมาตรการกัน มันไม่มีหรอกครับ อย่างที่บอกทุกอย่าง มันจบที่ท่านหัวหน้าพรรค” เมื่อถามว่า เป็นแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม วางใจได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคสั่งการและกำชับ ดังนั้น เรื่อง ที่จะมีสมาชิกของพรรคโหวตไม่เป็นไปตามของพรรค จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ และหัวหน้าพรรคคงไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ได้กล่าวย้ำกับสื่อมวลชนว่า “ชัดเจนนะครับ อย่าแปลเป็นอย่างอื่นนะ” ทำให้ผู้สื่อข่าว ถามกลับไปว่า จนถึงวันนี้ได้คุยกับนายกฯแล้วหรือยัง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “ผมว่าเรื่องพวกนี้ก้าวข้ามไปเลยว่าพรรคเราไม่ได้แตก รัฐบาลกับพลังประชารัฐยังอยู่ด้วยกัน”

ไม่วิจารณ์ “อุ๊งอิ๊ง”-พปชร.เจาะทุกวัย

ร.อ.ธรรมนัสยังกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นทีมงานพรรคว่า เราไม่วิจารณ์ นโยบายของแต่ละพรรค แต่เชื่อว่าวันหนึ่งที่หัวหน้าพรรคสั่งการไปยังประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ไม่ว่าจะหาเสียงกับกลุ่มวัยใด หรือกลุ่มใดก็ตาม พรรคเรามีการเตรียมการไว้หมดแล้ว ดังนั้น ปัญหาเหล่านี้พรรคเราไม่เคยวิตกกังวล

ชง 3 ชื่อเสียบแทน “บิ๊กแป๊ะ”

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ที่ทำการพรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เรียกแกนนำพรรค และ ส.ส.บางคนส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. และนายวิรัช รัตนเศรษ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค หารือกว่า 1 ชั่วโมงถึงการถอนตัวไม่ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร โดยจะไม่สนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. แต่ได้เสนอให้ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรค และต้องมีชื่อสูสีกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ทั้งนี้มีชื่อ 3 คน คือ นายพีระพันธุ์ สาลี รัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ปทุมธานี ที่รู้จักกันในนาม “ผู้ว่าฯหมูป่า” และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)ที่ก่อนหน้ามีชื่อเป็นแคนดิเดตผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ โดย พล.อ.ประวิตรได้แต่นั่งฟัง ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

“นิพนธ์” โต้ปลดนายก อบจ.มิชอบ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย แถลงว่า ได้ฟ้องศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคำสั่ง กระทรวงมหาดไทย ที่ปลดตนออกจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 กรณีตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และระงับจ่ายเงินให้บริษัทจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงของ อบจ.สงขลา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศาลปกครองกลาง ส่วนเรื่องฮั้วประมูลเป็นคดีแพ่ง ยังอยู่ในศาลปกครองสูงสุด คดีอาญาตนขอสู้เพราะไม่มีความผิด ป.ป.ช.ชี้มูลต้องส่งอัยการแต่อัยการพบพิรุธ ทั้ง สภ.สงขลา และกองปราบปรามยังพบว่า ฮั้วกันจริง เขาทำผิด พ.ร.บ.ฮั้ว ตนไม่ยอมจ่ายเงินผิด ด้วยหรือ ป.ป.ช.ไม่ได้ชี้ว่าตนทุจริตลงโทษทางวินัยไม่ได้ ถือว่ากระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งโดยมิชอบ และ พ.ร.บ.จัดตั้ง อบจ.กำหนดว่า ต้องลงโทษทาง วินัย 2 ปี นับจากครบวาระ ตนครบวาระเดือน ก.ค.60 ต้องลงโทษภายในปี 62 แต่มาลงโทษเดือน มิ.ย.64 ล่วงเลยตาม พ.ร.บ.ไปแล้ว

“บิ๊กตู่” ปลื้มคุยกับ “โจ ไบเดน”

สำหรับภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไปร่วมประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UNFCCC : COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-3 พ.ย. โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถ้อยแถลงยืนยันไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศและทุกภาคส่วน พร้อมกันนี้ นายกฯได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองผู้นำที่เข้าร่วมประชุม พบปะพูดคุยผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่พบกันเป็นครั้งแรก ต่างฝ่ายได้สอบถามสถานการณ์โควิด-19 ต่อกัน ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ทักทายพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ชื่นชมความมุ่งมั่นที่ไทยตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ให้ได้ในปี 2065

ฟุ้งผู้นำโลกพร้อมร่วมมือทุกมิติ

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีโอกาส พบปะพูดคุยกับผู้นำ พูดคุยถึงสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนาน เพราะตนเป็นนายกฯมาหลายปี หลายท่านก็อยู่มากับตนเป็น 10 ประเทศ โดยอาเซียนเขาพูดกับตน อย่างเดียวว่า พร้อมร่วมมือพร้อมเดินหน้าในมิติต่างๆ กับไทย ไม่ว่าการค้าการลงทุน อย่างนายกฯเวียดนามคนใหม่มาขอพบยืนยันความร่วมมือต่างๆต้องให้เร็วขึ้น ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี แน่นอนตนได้ใช้ โอกาสเชิญชวนบรรดาผู้นำให้เดินทางมาเข้าร่วมประชุม กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2565 วันนี้ เราอาวุโสพอสมควร รู้จักเยอะขึ้น ทั้งนี้ การเข้าร่วม ประชุม COP 26 ถือว่าคุ้มค่า ทุกคนทุ่มเทเต็มที่ ตนต้องติดตามให้ทำได้ตามกรอบทั้งหมดเพื่อลูกหลานของเราและคนทั้งโลก

สื่อเทศกังขาจุดยืนยังไม่ชัดเจน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงจุดยืนของไทยต่อที่ประชุม COP 26 ระบุว่า หากได้รับการสนับสนุนด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความร่วมมือ ไปจนถึงการเข้าถึงแหล่ง ทุนพลังงานสีเขียวแล้ว ไทยจะสามารถปล่อยก๊าซ เรือนกระจกลดลง 40% ภายในปี 2573 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายของทั่วโลกในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ภายในปี 2593 และปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ภายในหรือก่อนปี 2608 ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังขยายความว่า เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกของไทยยังกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 20% ภายในปี 2573 แต่ตัวเลข 40% ดังกล่าว หมายถึงกรณี ที่ไทยได้รับความช่วยเหลือจากนานาชาติ ส่วนเป้าหมาย ปี 2608 ก็แสดงว่าไทยยังไม่พร้อมให้ความชัดเจน ในเรื่องการยอมรับเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ภายในปี 2593

ศาลรับฟ้อง “วิรัช” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีการประชุมคดีพิจารณาสำนวนที่อัยการสูงสุดฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับพวก รวม 87 คน ในข้อหาแตกต่างกันในคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนแล้วมีคำสั่งประทับรับฟ้อง ซึ่งตาม วิ.อม. บัญญัติไว้ว่า หากศาลประทับฟ้องแล้วให้จำเลยยุติปฏิบัติหน้าที่ เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นจำเลยที่มีตำแหน่งหน้าที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ ม.235 วรรค 3 โดยศาลนัดพิจารณาคดีนี้นัดแรกวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 09.00 น.