MOGEN (โมเก้น) หนึ่งในผู้นำด้านตลาดสุขภัณฑ์ และ Market Leader สำหรับ Bathroom Furniture ร่วมกับ IoThings (ไอโอธิงส์) ผู้นำเทคโนโลยีด้าน Internet of Things (IoT) เปิดตัว “IoT Smart Living Solution” โซลูชันสมาร์ทโฮมสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดฯ หรือสำนักงานสมัยใหม่
นายพงษ์ธร วานิชพงษ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเก้น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท MOGEN (ประเทศไทย) จำกัด เติบโตอยู่ในตลาดมา 19 ปี Product เน้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสินค้าตกแต่งบ้านที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้นและสามารถออกแบบ Customized ให้ลงตัวกับพื้นที่ได้ง่าย แต่ยังคงรูปแบบงานดีไซน์ที่สวยงาม มีฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครันและตอบรับผู้บริโภคที่มีความต้องการเฉพาะตัว ซึ่ง ณ ปัจจุบัน โมเก้นได้มองเห็นเป้าหมายในอนาคตที่กว้างขึ้น จึงก้าวเข้าสู่ Business Solution ใหม่ที่จะขยายฐานธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยเราได้คัดสรร Partner ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสินค้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดนเด่นด้านนวัตกรรม มีผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน มีสินค้าที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจในตลาด รวมไปถึงกลุ่มสินค้า Smart Appliance ซึ่งครั้งนี้ บริษัท MOGEN (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกับบริษัท ไอโอธิงส์ จำกัด (loThings Company Limited) ผู้นำเทคโนโลยีด้าน Internet of Things (IoT) โดยมีความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มอัจฉริยะ รวมถึงการพัฒนาฮาร์ดแวร์เพื่อให้รองรับกับแพลตฟอร์มได้อย่างไร้รอยต่อ เปิดตัว “IoT Smart Living Solution” โซลูชันสมาร์ทโฮม สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดฯ หรือสำนักงานสมัยใหม่ เนื่องจากในยุคปัจจุบันที่ตลาดของสินค้า Technology เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก
โดยในปี 2565 ขนาดของตลาดสมาร์ทโฮมจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่การเข้าถึงสมาร์ทโฮมในประเทศไทยนั้นยังมีเพียง 12.9% ของปริมาณที่อยู่อาศัยทั้งหมด สะท้อนให้เห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฮมอย่างเห็นได้ชัด โดยในอนาคตอันใกล้สมาร์ทโฮมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม การใช้งานสมาร์ทโฮมในปัจจุบันยังมีอุปสรรคบางประการที่ทำให้การเข้าถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฮมนั้นยังไม่เร็วเท่าที่ควร เช่น การต้องใช้หลายแอปพลิเคชันเพื่อควบคุมอุปกรณ์และฟังก์ชันต่างๆ ภายในบ้าน ดีไซน์และการใช้งานของแอปพลิเคชัน ควบคุมที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ (user-friendly) และการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทันตามอุปกรณ์ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ทาง MOGEN และ IoThings จึงได้ร่วมกันพัฒนาโซลูชันสำหรับสมาร์ทโฮม เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์ของผู้ใช้ในยุคดิจิทัลและรองรับการเติบโต และเพิ่มมูลค่าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่
รวมถึงการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัวสำหรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต ถือเป็นการร่วมกันพัฒนาครั้งแรกในการสร้าง Platform และโซลูชันแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์/อุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Device) และซอฟต์แวร์/แอปพลิเคชัน (IoThings Mobile Application) เพื่อรองรับการใช้งานแบบ “Single Mobile APP Control” หรือการควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างโดยแอปพลิเคชันเดียว ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ Pain point ของผู้ใช้งานปัจจุบันที่ต้องใช้หลายแอปพลิเคชันในชีวิตประจำวัน
“โดยการพัฒนาโซลูชันนี้จะสามารถตอบโจทย์การใช้งาน และฟังก์ชันสำหรับที่อยู่อาศัยได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Smart Lighting, Smart Control & Connectivity, Smart Security & Environment, Smart Door Lock รวมถึง Smart Health & Wellness ซึ่งสอดรับกับแนวคิดการอยู่ร่วมกันของคนหลายวัยในพื้นที่เดียวกัน “Multi Generational Living” ที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญด้านดีไซน์และความทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยไม่ลืมการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานให้ใช้งานได้สะดวก ทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของสมาชิกทุกวัย”
นอกจากนี้ “IoThings Mobile Application” ยังมีจุดเด่นที่สำคัญคือการเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple และ Google ทำให้สามารถใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence) อย่างเช่น การใช้คำสั่งเสียงอัจฉริยะ (AI Voice Command) ของ Google อย่าง Google Assistant และ Siri ของ Apple ในการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านผ่าน Mobile Application
ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ โมเก้นเล็งเห็นว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์จะเป็นที่ต้องการและมีความน่าสนใจในตลาดที่อยู่อาศัยอย่างกว้างขว้าง การขายแบบ B2B (Business to Business) การขายกลุ่มผู้รับเหมา การขายแบบB2B (Business to Business) การขายเข้าโครงการ เช่น งานบ้าน งานคอนโดฯ งาน Public Community งานโรงพยาบาล หน่วยงานราชการ เป็นต้น
หรือในส่วนของ B2C (Business to Customer) ซึ่งทางโมเก้นมี Platform ขายสินค้า Online to Offline ไม่ว่าจะเป็น Mogen More Mogen Place S Two ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกชมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าได้ตามช่องทางที่สะดวก โดยแผนธุรกิจของ MOGEN ในปี 2566 เราตั้งเป้ายอดขายในส่วน IoT Smart Living Solution ไว้ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นเจาะตลาดไปในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ โดยจะเน้นทำการตลาดแบบ 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก เป็นการนำเสนอขายแบบงานโครงการ (Project) โดยเราจะใช้กลยุทธ์การนำเสนอขายแบบ Solution คือการจับเซตสินค้าและอุปกรณ์เพื่อนำเสนอขายแบบแพกเกจสำหรับแต่ละห้อง ด้วยราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสม สำหรับงานโครงการตามต่างจังหวัดเราจะมุ่งเน้นการขายไปตามหัวเมืองหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่ โดยจังหวัดดังกล่าวมีศูนย์บริการของโมเก้นในการให้บริการอยู่
กลุ่มที่ 2 คืองาน Retail ซึ่งจะเน้นการขายแบบเซต Solution สำหรับบ้านพักอาคารและอาคารชุดทั่วไปพร้อมกับกลุ่มสินค้า Smart Device จะเป็นกลุ่มสินค้าที่ติดตั้งง่ายไม่ต้องเดินสายไฟ ซึ่งได้แก่ กลุ่ม Smart Security & Sensors Smart Connectivity & Control Smart Health & Wallness Ai Voice Commard โดยสินค้ากลุ่มนี้จะเน้นขายในทาง Mogen Online Platform อีกด้วย
นายเบญจ เบญจรงคกุล กรรมการ บริษัท ไอโอธิงส์ กล่าวว่า ธุรกิจในยุคดิจิทัลต้องการพลังแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน เพื่อตอบสนองความต้องการและประสบการณ์ใหม่ของผู้บริโภค ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด บริษัทไอโอธิงส์ เป็น Tech Company ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้าน Internet of Things (IoT) โดยมีความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มอัจฉริยะ รวมถึงการพัฒนาฮาร์ดแวร์เพื่อให้รองรับกับแพลตฟอร์มได้อย่างไร้รอยต่อ
“การร่วมมือกับ MOGEN ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นด้านดีไซน์ของสินค้า และมีประสบการณ์ในกลุ่มสินค้าภายในบ้านในตลาดประเทศไทยมาอย่างยาวนาน จะช่วยยกระดับการพัฒนาโซลูชัน และแอปพลิเคชัน ตลอดจนอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย และเพิ่มมูลค่าให้โครงการของกลุ่มธุรกิจผู้อสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ระบบโฮมออโตเมชัน หรือสมาร์ทโฮมกำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง MOGEN จะเป็นพันธมิตรหลักที่จะทำให้โซลูชันของเรามีศักยภาพ และตอบโจทย์ให้ลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง” นายเบญจ กล่าว